แบบฝึกวางแผนการเทรด + สรุปกลยุทธ์ออปชั่นขั้นสูงสำหรับสร้างรายได้สม่ำเสมอและเล่นกับความผันผวน (Volatility)
ทดลอง “เล่นแผน” เช่น เสี่ยงไม่เกิน X% ต่อการเทรด, กำหนด Risk/Reward, Win Rate และจำนวนครั้งเทรด แล้วดูว่าพอร์ตน่าจะเติบโตและ Drawdown ประมาณไหน
💡 Gap Mode = ใช้จำลองเหตุการณ์ “ผิดจริง” เช่น ข่าวแรง หรือหุ้นเปิดกระโดดทะลุ Stop ทำให้ขาดทุนมากกว่า 1R
คำนวณผลตอบแทนเฉลี่ยต่อ 1 ดีล ตาม Win Rate และ Reward:Risk ที่ตั้งไว้ เพื่อดูว่าแผนเทรด “มี edge” หรือไม่
ใช้ Monte Carlo จำลองลำดับ “ชนะ/แพ้” แบบสุ่ม (แต่เคารพ Win Rate ที่ตั้งไว้) เพื่อดูการกระจายตัวของผลลัพธ์จริง ๆ
ดูว่าถ้าใช้แผนเดิม แต่ “ลำดับชนะ/แพ้” ต่างกัน ผลลัพธ์พอร์ตจะต่างกันแค่ไหน และ Drawdown รุนแรงแค่ไหนในกรณีแย่/ดี
| # | Final Capital | Return (%) | MaxDD (%) |
|---|
ส่วนนี้เป็น “ทฤษฎี + ตัวอย่าง” ของกลยุทธ์ออปชั่นแบบ Multi-leg ที่ใช้กันมากในสาย Income และ Volatility Play เหมาะสำหรับผู้ที่พอเข้าใจพื้นฐาน Call/Put, Long/Short มาก่อนแล้ว
คำอธิบายสั้น ๆ: Iron Condor = ผสม Bull Put Spread + Bear Call Spread เข้าด้วยกัน เป็นกลยุทธ์ 4 ขาแบบรับเครดิตสุทธิ (Net Credit) และจำกัดความเสี่ยงสองด้าน เหมาะกับมุมมอง “เป็นกลาง” คาดว่าราคาหลักทรัพย์วิ่งอยู่ในกรอบแคบ จนหมดอายุ
| โครงสร้าง | Short Put OTM 1 ขา + Long Put ที่ strike ต่ำกว่า, Short Call OTM 1 ขา + Long Call ที่ strike สูงกว่า (4 ขา) |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | รับเครดิตสุทธิ จากการขาย Put + Call OTM หักค่า Long wings |
| กำไรสูงสุด | เท่ากับเครดิตสุทธิทั้งหมด เมื่อราคาหลักทรัพย์อยู่ระหว่าง Short Put กับ Short Call ในวันหมดอายุ |
| ขาดทุนสูงสุด | จำกัด = (ส่วนต่างระหว่าง Strike ของ Spread ด้านใดด้านหนึ่ง) – เครดิตสุทธิ |
| จุดคุ้มทุน | 2 จุด: Short Put – เครดิตสุทธิ และ Short Call + เครดิตสุทธิ |
| ความเสี่ยง | ปานกลาง (Risk จำกัด แต่ต้องคุมไม่ให้ราคาทะลุกรอบ) |
คำอธิบายสั้น ๆ: Iron Butterfly = Short Straddle แบบมีประกัน (Long Wings ทั้งสองด้าน) เป็นกลยุทธ์ 4 ขาที่ขาย Call + Put ที่ ราคาเดียวกัน (ATM) และซื้อ Long Call/Put ที่ไกลออกไปเพื่อล็อคความเสี่ยง จึงยังเป็น Credit Spread แต่กำไรเต็มจะเกิดเมื่อราคาปิดใกล้ราคา ATM พอดี
| โครงสร้าง | Short Call ATM + Short Put ATM + Long Call OTM + Long Put OTM |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | รับเครดิตสุทธิ (มากกว่า Iron Condor เล็กน้อย เพราะ Short ATM) |
| กำไรสูงสุด | เครดิตสุทธิทั้งหมด เมื่อราคาปิด = ราคากลาง (Strike ATM) |
| ขาดทุนสูงสุด | จำกัด = ช่วงห่างระหว่าง Long wings กับราคากลาง – เครดิตสุทธิ |
| จุดคุ้มทุน | ราคากลาง ± เครดิตสุทธิที่ได้รับ |
| ความเสี่ยง | ปานกลางถึงสูง (ช่วงกำไรแคบ ต้องบริหาร Active) |
คำอธิบายสั้น ๆ: Long Butterfly (ด้วย Call หรือ Put) ใช้ออปชั่น 3 ระดับราคา (4 สัญญา) Long ปีกนอก 2 ขา, Short ตรงกลาง 2 สัญญา มักวางแบบสมมาตร (ระยะห่างเท่ากัน) เป็นกลยุทธ์ เดบิต จ่ายเงินคงที่ตั้งแต่แรก ความเสี่ยงสูงสุด = ต้นทุนที่จ่าย โอกาสกำไรสูงสุดเมื่อราคาปิดใกล้ Strike กลางตอนหมดอายุ
| โครงสร้าง | Long 1 Call/Put ที่ Strike ต่ำ, Short 2 ที่ Strike กลาง, Long 1 ที่ Strike สูง (ระยะห่างเท่ากัน) |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | จ่ายเดบิตสุทธิ (ความเสี่ยงสูงสุด = ต้นทุน) |
| กำไรสูงสุด | จำกัด เกิดเมื่อราคาปิด = Strike กลาง |
| ขาดทุนสูงสุด | จำกัด = เดบิตที่จ่าย ถ้าราคาออกนอกปีกทั้งสอง |
| จุดคุ้มทุน | 2 จุด: Strike ล่าง + เดบิตสุทธิ และ Strike บน – เดบิตสุทธิ |
| ความเสี่ยง | ต่ำถึงปานกลาง (เหมาะเรียนรู้การเล่นโครงสร้าง Option) |
คำอธิบายสั้น ๆ: Jade Lizard = Short Put 1 ขา + Short Call Spread 1 ชุด (Short Call + Long Call ที่สูงกว่า) ทั้งหมดหมดอายุเดียวกัน เงื่อนไขสำคัญคือ เครดิตสุทธิต้องมากกว่าช่วงห่างของ Call Spread ทำให้ถ้าราคาพุ่งขึ้นแรงสุด ๆ ด้านบน ก็ยังไม่ขาดทุน (No Upside Risk) แต่ยังมี ความเสี่ยงด้านล่างเหมือน Short Put เปล่า
| โครงสร้าง | Short Put OTM 1 ขา + Short Call OTM + Long Call ที่ Strike สูงกว่า (สร้าง Call Spread) |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | รับเครดิตสุทธิสูง จาก Put + Call Spread |
| กำไรสูงสุด | เครดิตสุทธิทั้งหมด เมื่อราคาปิดอยู่ระหว่าง Short Put กับ Short Call ล่าง |
| ขาดทุนสูงสุด | ด้านบน: ไม่มี (ถ้าตั้งเครดิตมากกว่าช่วง Call Spread) ด้านล่าง: ไม่จำกัด (เหมือน Short Put) |
| จุดคุ้มทุน | ด้านล่าง = Short Put – เครดิตสุทธิ; ด้านบนไม่มีจุดเริ่มขาดทุน (ตามเงื่อนไข No Upside Risk) |
| ความเสี่ยง | ปานกลางถึงสูง (เสี่ยงด้านเดียวคือขาลง) |
คำอธิบายสั้น ๆ: Short Straddle = ขาย Call ATM + ขาย Put ATM (หมดอายุเดียวกัน) ไม่มีขา Long ป้องกัน เป็นกลยุทธ์ Short Volatility แบบสุดขั้ว กำไรสูงสุด = เครดิตสุทธิทั้งหมด หากราคาปิดเท่า Strike เดิม แต่ถ้าราคาเคลื่อนแรงด้านใดด้านหนึ่งจะขาดทุนมหาศาล
| โครงสร้าง | Short Call ATM + Short Put ATM |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | รับเครดิตสุทธิสูงมาก |
| กำไรสูงสุด | เครดิตสุทธิทั้งหมด (ราคาปิด = Strike ATM) |
| ขาดทุนสูงสุด | ด้านบน: ไม่จำกัด / ด้านล่าง: สูงมาก (จนหุ้นเป็นศูนย์) |
| จุดคุ้มทุน | Strike ± เครดิตสุทธิ |
| ความเสี่ยง | สูงมาก ⚠ ต้องมีประสบการณ์ + แผน Hedging ที่ชัดเจน |
คำอธิบายสั้น ๆ: Short Strangle = ขาย Call OTM + ขาย Put OTM (คนละ Strike) กำไรสูงสุดคือเครดิตสุทธิ เมื่อราคาปิดอยู่ระหว่างสอง Strike แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่ความเสี่ยงด้านบนไม่จำกัด ด้านล่างสูงมากเช่นกัน เพียงแต่ราคาต้องเคลื่อนแรงกว่าจึงจะขาดทุน
| โครงสร้าง | Short Put OTM + Short Call OTM (Strike คนละด้าน) |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | รับเครดิตสุทธิ (น้อยกว่า Short Straddle) |
| กำไรสูงสุด | เครดิตสุทธิ เมื่อราคาปิดอยู่ระหว่างสอง Strike |
| ขาดทุนสูงสุด | ด้านบน: ไม่จำกัด / ด้านล่าง: สูงมาก (เหมือน Short Put) |
| จุดคุ้มทุน | Lower BE = Strike Put – เครดิต, Upper BE = Strike Call + เครดิต |
| ความเสี่ยง | สูง (แต่ความน่าจะเป็นชนะสูงกว่า Straddle) |
คำอธิบายสั้น ๆ: Long Calendar = ซื้อออปชั่นระยะยาว (Expiry ไกล) และขายออปชั่นระยะสั้น (Expiry ใกล้) ที่ Strike เดียวกัน เป็นเดบิตสเปรดที่ได้ประโยชน์จากการที่ออปชั่นสั้นเสื่อมเร็วกว่า และจากการเพิ่มขึ้นของ IV ของสัญญาระยะยาว
| โครงสร้าง | Long Option (Call/Put) Expiry ไกล + Short Option Expiry ใกล้ ที่ Strike เดียวกัน |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | จ่ายเดบิตสุทธิ (ซื้อไกล – ขายใกล้) |
| กำไรสูงสุด | โดยประมาณเกิดเมื่อราคาปิดใกล้ Strike ตอนที่ขาสั้นหมดอายุ และขาที่ยังเหลือมีมูลค่าสูงสุด |
| ขาดทุนสูงสุด | จำกัด = เดบิตที่จ่าย หากราคา/IV เคลื่อนผิดทางมาก |
| จุดคุ้มทุน | ขึ้นกับโค้งกำไร-ขาดทุนของแต่ละเคส มักใช้ซอฟต์แวร์ช่วยดูกราฟ |
| ความเสี่ยง | ปานกลาง (ต้องบริหารหลายปัจจัยทั้งเวลาและ IV) |
คำอธิบายสั้น ๆ: Broken Wing Butterfly = Butterfly ที่ปีกสองด้านไม่เท่ากัน (ด้านหนึ่งกว้างกว่า) สามารถจัดให้เปิดเป็น Credit Spread ได้ หากตั้ง Hops ราคาถูกต้อง ด้านปีกกว้างจะไม่มีความเสี่ยง (ถ้าราคาวิ่งทะลุด้านนั้นเรายังได้กำไรจากเครดิต) ส่วนความเสี่ยงจะไปอยู่ฝั่งปีกแคบ
| โครงสร้าง | เช่น Call BWB: Long Call ต่ำ, Short 2 Call กลาง, Long Call สูงมาก (ปีกบนกว้างกว่าปีกล่าง หรือกลับกัน) |
|---|---|
| ต้นทุนเปิดสถานะ | ควรเป็น เครดิตเล็กน้อยหรืออย่างน้อยเท่าทุน (ไม่จ่ายเดบิต) |
| กำไรสูงสุด | จำกัด ≈ ระยะห่างปีกแคบ – เครดิต เมื่อราคาปิดใกล้ Short Strike |
| ขาดทุนสูงสุด | จำกัด ≈ ระยะห่างระหว่าง Long ทั้งสอง – เครดิต (เกิดเมื่อราคาทะลุฝั่งปีกแคบเต็มที่) |
| จุดคุ้มทุน | สองจุด โดยด้านที่เป็นปีกกว้างจะไม่มีขาดทุน มีแค่กำไร = เครดิต หรือ 0 |
| ความเสี่ยง | ปานกลาง (Probability of Profit สูง แต่ Risk/Reward ไม่สูงมาก) |